การออกแบบภายนอก Mazda CX-5 ได้ถูกออกแบบตามแนวคิด Kodo Design ซึ่งมีเอกลักษณ์ จากเส้นสาย ไฟหน้า-ท้าย และ กระจังหน้า ที่ดูโดดเด่น ทันทีที่แรกเห็น สำหรับบั้นท้ายของ CX-5 ได้ใช้ปลายท่อไอเสียออกคู่ ซึ่งถ้าทำปลายท่อให้ใหญ่กว่านี้ จะเสริมความดุและดูแข็งแกร่งบึกบึนกว่านี้ สำหรับในรุ่น XDL นี้ สวมล้อโตสะใจ 19” ใหญ่กว่าชาวบ้าน หุ้มยาง Toyo ขนาด 225/55/19 โดยมี 4 สี ได้แก่ น้ำเงิน Skyblue Mica, ขาว Arctic White, เทา Meteor Gray Mica, เงิน Aluminum Metallic
สำหรับมิติตัวรถ มี ยาวxกว้างxสูง (มม.) = 4540 x 1840 x 1710 มีระยะฐานล้อ 2.7 ม. มีน้ำหนักตัวอยู่ที่ 1.65 ตัน
ภายในห้องโดยสาร จะพบวัสดุหุ้มเบาะเป็นหนังสีดำ เบาะตอนหลังพับได้ละเอียดแบบ 40:20:40 สามารถพับราบลงได้สนิท ซึ่งทำให้พื้นที่เก็บของจุถึง 1,390 ลิตร (VDA std.)
ออปชั่นภายใน มีมาให้ครบครัน เบาะคนขับปรับไฟฟ้า, ระบบปรับอากาศ Dual-zone, ระบบ Keyless พร้อมปุ่มสตาร์ท, ระบบควบคุมความเร็วคงที่ และ ควบคุมเครื่องเสียงจากพวงมาลัย และระบบเชื่อมต่อ Bluetooth, เครื่องเสียงที่มาพร้อมจอ 5.8” และโดดเด่นด้วยเครื่องเสียง BOSE ลำโพง 9 ตัว, ระบบไฟหน้าแบบ AFS, กล้องมองหลัง มีระบบ i-stop
เครื่องยนต์ Skyactiv-D Diesel Turbo (2 Stage) ความจุ 2,188cc พร้อมระบบวาล์ว S-VT ซึ่งมีกำลังอัด 14.0 : 1 ถือเป็นสัดส่วนกำลังอัดที่ต่ำสุด ของเครื่องยนต์ดีเซล ช่วยให้การเผาไหม้สมบูรณ์ ลด NOx และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมผ่านมาตรฐานไอเสีย Euro6 ขั้นสูงสุด ให้กำลังสูงสุด 175 แรงม้า@4,500rpm และแรงบิด สูงสุด 42.8 กก.-ม. @2,000rpm เมื่อเทียบกับ น้ำหนักเบาลง 10% และให้อัตราสิ้นเปลืองดีขึ้น 20%
การขับขี่ 0-100 กม./ชม. = 9.02 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 14 กม./ลิตร
ระบบส่งกำลัง เกียร์ Skyactiv-Drive คือ เกียร์อัตโนมัติแบบ 6 Speed ซึ่งมาพร้อมโหมด Manual Activematic เกียร์ลูกนี้ ได้นำข้อดีของเกียร์ในแต่ละรูปแบบ มาผนวกเข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะความราบลื่นในการเปลียนเกียร์ การประหยัดน้ำมันในการขับขี่ การตอบสนองที่ดีเยียมแม่นยำ และการออกตัวได้ดีบนทางชัน
Mazda จึงพัฒนาระบบเกียร์อัตโนมัติ torque Converter ให้มีความสามารถมากขึ้น โดยใช้ Multiplate Clutch เพื่อลดการลื่นช่วงจังหวะเปลี่ยนเกียร์ หากเทียบกับระบบเกียร์อัตโนมัติธรรมดาทั่วไป เกียร์ Skyactive จะมีอัตราการล็อคกำลังส่งมากกว่า 89% ขณะที่ระบบเกียร์ทั่วไปอยู่ที่ 64%
ระบบบังคับเลี้ยว ในด้านของพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมพาวเวอร์ช่วยผ่อนแรงแบบไฟฟ้า (EPAS) ให้ความเบาดี ในการสาวจอด หรือหักวงเลี้ยวที่ความเร็วต่ำ ให้ความกระฉับกระเฉงพอสมควร แต่พอขับที่ความเร็วสูงขึ้น พวงมาลัยจะเริ่มหนืดมือขึ้น เรื่อยๆ แปรผันไปกับความเร็ว ซึ่งให้ความรู้สึกที่ไม่ฝืนธรรมชาติมากนัก ให้ความไวพอสมควร ไม่ไวมือจนเกินไป
ระบบช่วงล่าง ด้วยเทคโนโลยี Skyactiv-Chassis ใช้ช่วงล่างแบบอิสระ ระบบสตรัท (หน้า) และมัลติลิงค์ (หลัง) ให้ความแข็งแกร่งสูงและมีน้ำหนักเบา (น้ำหนักเบาขึ้น 14% เมื่อเทียบกับแชสซีส์ปัจจุบัน) และ Skyactiv-Body ให้ความแข็งแกร่ง และน้ำหนักเบา จากโครงสร้างรูปแบบใหม่ ชิ้นส่วนโครงสร้างถูกออกแบบให้มีความตรงและยาวที่สุดในแต่ละชิ้น และแนวคิดของโครงสร้างต่อเนื่องหรือ Continuous Framework ที่ทุกชิ้นส่วนจะถูกเชื่อมต่อกันอย่างลงตัว ซึ่งมันช่วยให้มีสมดุลของตัวถังรถที่ดียิ่งขึ้นแต่สำหรับ 2.2 XDL คันนี้ จะมีจุดที่โดดเด่นกว่า ในรุ่น เบนซิน นั่นก็คือ จะใช้ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้ออัตโนมัติ AWD แทนขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า ในรุ่นเบนซิน
ระบบเบรก แบบดิสก์ 4 ล้อ พร้อมครีบระบายความร้อนในคู่หน้า ในด้านการตอบสนองยังคงให้ความรู้สึกเช่นเดียวกันกับรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน คืออาจจะเซ็ตแป้นเบรกมาให้ตอบสนองได้ค่อนข้างช้า เน้นลงลึก ออกแนวให้นิ่มนวล จึงทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่เท้าเท่าที่ควร ซึ่งอาจต้องเบรกลงน้ำหนักกันมากสักนิดหนึ่ง ซึ่งน่าจะปรับเซ็ตให้มันตอบสนองได้ เร็วฉับไว กว่านี้ เพื่อรองรับกับความเป็นสปอร์ต SUV ดูจะสร้างความมั่นใจได้ดียิ่งขึ้น
ด้านเทคโนโลยีความปลอดภัย มีมาให้ครบครัน ระบบไฟหน้าเลี้ยวตามการเลี้ยวของรถ AFS ถุงลมนิรภัยถึง 6 ลูก กล้องมองหลัง กุญแจ Keyless พร้อม Immobilizer ระบบควบคุมเสถียรภาพของรถ DSC, ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS, ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน HLA, ระบบเตือนแรงดันลมยาง