✅เครื่องยนต์สูบนอนและระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีประสิทธิภาพ
ขุมพลังของเจ้าฟอเรสเตอร์นั้นยังคงใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4สูบนอน ความจุ 2.0 ลิตร ที่ให้กำลังสูงสุด 156 แรงม้า ที่6,000 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 196 นิวตันเมตร ที่ 4,000 รอบ/นาที ที่ยังถือว่าให้อัตราเร่งได้พอประมาณ ด้วยขนาดของตัวรถที่ใหญ่มีพื้นที่เยอะ ทำให้เพียงพอต่อการใช้งานในเมืองและวิ่งทางไกลได้
ในด้านระบบส่งกำลังใช้เป็นเกียร์อัตโนมัติแปรผันต่อเนื่อง CVT 7 จังหวะ พร้อมโหมด M ที่สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ด้วยตนเองที่พวงมาลัยได้ (Paddle Shift) ถือว่าเป็นรถครอบครัวที่แอบซิ่งอยู่นิด ๆ เหมือนกัน
✅ในด้านของระบบขับเคลื่อนที่เป็นตัวชูโรงของทางซูบารุ X-Mode ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัจฉริยะ ที่มี 3 โหมดด้วยกัน ได้แก่ Road, Snow Mud และ Deep snow mud ที่สามารถปรับแรงบิดและการตอบสนองคันเร่งให้เหมาะสมกับแบบเส้นทางที่เราเลือกไว้
🚘พวงมาลัยมัลติฟังค์ชั่นปรับได้ 4 ทิศทาง ติดตั้งสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียง รับสายโทรศัพท์ ครูสคอนโทรล และสวิตช์สั่งการระบบการขับขี่ มาให้พร้อม รวมถึงหน้าปัดมาตราวัดอนาล็อกแบบทรงกลม ในด้านคอนโซลกลางมีระบบปรับอากาศแบบแยกส่วนที่สามารถปรับอุณหภูมิแยกซ้าย – ขวาได้
ด้านบนของคอนโซลกลางเป็นเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้วที่เป็นระบบความบันเทิงที่มี Siri Eyes Free ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายสมาร์ทโฟนรวมถึงทำหน้าที่แสดงผลระบบ Navigator รวมถึงกล้องมองหลังที่มีเส้นกะระยะให้ด้วย
ในส่วนเบาะของเจ้า ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2019 ดีไซน์ออกมาให้ดูมีความสปอร์ตและเบาะคู่หน้ายังมีระบบปรับระดับไฟฟ้าถึง 8 ทิศทาง ในส่วนเบาะหลังก็สามารถปรับได้ในอัตราส่วน 60:40 เพื่อความอเนกประสงค์ในการใช้งาน และฝาท้ายระบบเปิด – ปิดด้วยระบบไฟฟ้าซึ่งสามารถช่วยอำนวยความสะดวกให้กับการขนสัมภาระหรือสำหรับคุณผู้หญิงตัวคนเดียวก็ยังสามารถเปิด – ปิดได้อย่างไม่ต้องออกแรงมาก
🚘ภายในเพิ่มความโมเดิร์นเน้นโทนดำ
มาถึงภายในที่เมื่อก่อนทางซูบารุเน้นการใช้งานมากกว่าการดีไซน์ แต่ใน ซูบารุ ฟอเรสเตอร์ 2019 นั้นได้มีการเปลี่ยนแปลงภายในใหม่ เน้นการใช้โทนสีดำตัดกับการเดินด้ายสีขาวของแผงคอนโซลหน้า รวมถึงสวิสช์ต่าง ๆ ยังใช้ไฟโทรสีแดงส้ม ทำให้ได้ความรู้สึกสปอร์ตและแฝงไว้ด้วยความหรูหรา